วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พระสมเด็จ ช่วยชีวิต

          เมื่อครั้งยังจำความไม่ได้ แต่ที่รู้เพราะมีรูปถ่าย ปู่ผมได้มอบพระไว้ให้คุ้มครองป้องภัย สมัยก่อน (ประมาณ 2523 ปีที่ผมเกิด) แถวชุมชนหมู่บ้านที่ผมอยู่ก็อยู่ไม่ไกลจาก "ดงสีชมพู" ที่เป็นตำนาน ลิงค่าง บ่างชะนี แม้กระทั่งสัตว์ใหญ่อย่าง เสือ สิงห์โต ช้างป่า ยังมีให้เห็นได้ไม่ยาก ... ฟังดูเหมือนมันนานมากแล้ว แต่เป็นเรื่องจริงที่พึ่งผ่านมา ร่วมๆ 40 ปี นี่เอง ... ปู่ ย่า ลุง ป้า น้า อา ครอบครัวยังอาศัยรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ รวมอยู่ประจำ 20 คน ไปๆ มาๆ อีกซัก 10 คนได้ มีทุกวัย ทำให้ผมยังพอนึกภาพครอบครัวไทยแบบชนบทจริงๆได้อย่างติดตรึงในใจตลอดมา
           ด้วยอาชีพหลักของปู่เป็น "นายฮ้อย" ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงสมัยนั้นเลยมีคนร้จัก มีญาติทั้งสายตรงและญาติที่สมัครรักไคร่ด้วยความผูกพันธ์กันมาจำนวนมาก กลับมาเรื่องพระ...ด้วยความเชื่อเรื่องภูติผี วิญญาณร้ายทั้งหลาย เด็กๆมักจะได้รับของขลังจากผู้ใหญ่ให้ไว้คุ้มครอง ผมเองจำได้สมัยเด็ก พระผง พระเหรียญ รวมทั้ง ตระกุด ที่แขวนคอและรอบเอวไม่ต่ำกว่า 5 องค์ ... พอโตเข้าโรงเรียนก็เก็บไว้บนหิ้ง เหลือติดตัว 2-3 องค์ที่ไปใหนมาใหนด้วยกันตลอด ...
            ผ่นมาก็นานจนปัจจุบัน วันนึงว่างๆนึกอยากทำความสะอาดหิ้งพระ ก็ได้ไปเอาพระที่รวบรวมไว้ทั้งหมดมานั่งคัดใส่ตลับให้เรียบร้อย แยกพระกับวัตถุมงคลที่ไม่ใช่พระออกจากกัน มีพระในกรอบพลาสติกแบบสมัยก่อน 7-8 องค์ 1 ในนั้ยคือพระสมเด็จที่กำลังพูดถึง พอเสร็จก็เลยเอาพระสมเด็จในภาพ ติดตัวหวังจะหากรอบใหม่ แต่ยังไม่มีโอกาสและใส่เป้คู่ชีพไว้ ไปใหนมาใหนไปกันตลอด...

             ขยายขนาดใหญ่พิเศษให้เห็นภาพกันชัดๆ ตามภาพผมก็มีวิชาความรู้เกี่ยวกับพระนิดหน่อย เลยไม่กล้าฟันธงไปว่าคือพระสมเด็จจริง วัดใหน อายุเท่าไหร่ ก็ได้แต่หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ... มีปาฎิหาริ์เกิดขึ้น ครั้งหนึ่งหลังจากลาสิกขาจากวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เช้าวันนั้น เปลี่ยนชุดเป็นฆราวาสเรียบร้อยก็ตัดสินใจเป็นคนอาสาขับรถพาพ่อกับแม่ที่มาสึกเรา กลับไปส่งที่ จ.หนองคาย บ้านเกิดผม  .... ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร ออกจากกรุงเทพ ประมาณ 08.00 น. ขับไปเรื่อยๆ ทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่งมาถึง ก่อนเข้าตัวเมืองอุดรธานี ซัก 50 กม. เริ่มมืดจำได้เวลาราวๆ  ทุ่มกว่าๆ บังคับพวงมาลัยอยู่ดีๆ ปรากฏว่ารู้สึกเหมือนรถยางแตก บังคับพวงมาลัยไม่ได้ ... ด้วยความตกใจก็เลยแตะเบรก ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนทุกอย่างมันหลุดแยกชิ้นส่วนออกจากกันไปแล้ว ... รถพุ่งไปด้านขวาสุดเหมือนจะตกขอบถนนซึ่งเป็นคลองลึกอยู่เหมือนกัน หักพวงมาลัยออกแต่หน้ารถก็ยังมุ่งหน้าไปทิศเดิม เบรกยังไงก็ไม่อยู่ จะลงคลองท่าเดียว มองไปข้างหน้าเห็นเสาไฟกับเสาข้างถนน(เสาลาย) ในใจก็คิดเอายังไงดีพ่อกับแม่ก็นั่งอยู่ในรถน่าจะยังไม่รู้ตัว ระหว่างนั้นหน้ารถก็หันออกจากทิศทางที่จะชนเสาทั้งสอง ทั้งๆที่ก่อนนี้บังคับยังไงก็ไม่ไป ลองเบรกอีกครั้ง รถก็หยุด ... รีบลงมาดูไต้ท้องรถ ทุกอย่างปกติ ยางก็ไม่แบน ... แต่พอเงยหน้ามองไปขางหน้า ...โอ้วววว ... ในความมืดที่ยังพอมองเห็นได้สลัวๆ รถยนต์เกือบ 30 คัน ตกลงไปในคลอง บางคันชนท้ายกันติดอยู่บนถนน เสา บางคันข้ามคลองไปฝั่งตรงข้าม ที่หนักสุด รถทัวน์คว่ำตะแคงข้างอยู่เบื้องหน้าห่างกันไม่ถึง 10 เมตร .... จนทุกวันนี้ยังงงกับเหตุการไม่หาย ด้วยความตกใจและยังพอมีสติอยู่บ้างคิดว่ายังไงก็ไม่รอด ตกคลองชัวส์ และก่อนตกต้องชนเสาก่อน ... ชั่งวูบเหมือนมีสิ่งที่มองไม่เห็นดันหน้ารถออกแล้วก็เบรกด้วยการหยุดรถทันที .... หลังจากตั้งสติได้ถามคนแถวนั้นเค้าบอกว่ามีรถน้ำมัน น้ำมันรั่วยาวเป็นกิโลเลย พอมีฝนโปรยลงมานิดหน่อยน้ำมัยเลยกระจายทั่วถนน .....ราวๆ 10 นาทีต่อมา รถโรงพยาบาลกับรถตำรวจค่อยมาถึง...
                หากพี่น้องหรือผู้เชี่ยวชาญผ่านมา จะรบกวนท่านหน่อยครับ ... อยากทรายว่าพระที่แสดงในภาพคือพระอะไรกันแน่ ... ด้วยความศรัทธาเต็มหัวใจแล้วตอนนี้ ท่าน Comment ในนี้ได้เลยหรือติดต่อผ่าน e-mail มาก็ได้ครับ .... ขอขอบคุณล่วงหน้าครับผม ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น